ICE สแกนใบหน้า: ละเมิดสิทธิฯ หรือมาตรการความมั่นคง?

สแกนใบหน้าโดย ICE: ประเด็นร้อนในสหรัฐฯ

ข่าวคราวเกี่ยวกับการสแกนใบหน้าโดยหน่วยงาน Immigration and Customs Enforcement (ICE) หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกา กำลังเป็นประเด็นถกเถียงอย่างร้อนแรงในขณะนี้ ประเด็นหลักคือ การกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวด

รายงานข่าวระบุว่า ICE ได้ทำการสแกนใบหน้าผู้คนอย่างสุ่มในที่สาธารณะ โดยมีวิดีโอเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการดังกล่าว การกระทำนี้ก่อให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของ ICE และความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อเสรีภาพและสิทธิพลเมือง

บทความนี้จะเจาะลึกถึงประเด็นสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสแกนใบหน้าโดย ICE ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และมุมมองจากหลากหลายฝ่าย เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างครบถ้วน

ทำความเข้าใจ: การสแกนใบหน้าคืออะไร และทำไมจึงเป็นประเด็น?

เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า: กระบวนการทำงาน

เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Facial recognition technology) คือระบบที่ใช้ในการระบุตัวตนบุคคลจากภาพถ่ายหรือวิดีโอ โดยระบบจะทำการวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพบนใบหน้า เช่น ระยะห่างระหว่างดวงตา ขนาดจมูก และรูปปาก เพื่อสร้าง “ลายเซ็น” ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบุคคล จากนั้นระบบจะเปรียบเทียบ “ลายเซ็น” นี้กับฐานข้อมูลที่มีอยู่เพื่อระบุตัวตน

ความกังวลด้านสิทธิส่วนบุคคล

การใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าโดย ICE ก่อให้เกิดความกังวลหลายประการเกี่ยวกับสิทธิส่วนบุคคล ประเด็นหลักคือ การสแกนใบหน้าโดยไม่ได้รับความยินยอมจากบุคคลนั้นถือเป็นการรุกล้ำความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ ข้อมูลที่ได้จากการสแกนใบหน้าสามารถนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ เช่น การติดตามพฤติกรรมของประชาชน การเลือกปฏิบัติ หรือการควบคุมตัวโดยมิชอบ

ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนและนักกฎหมายหลายคนแย้งว่า การสแกนใบหน้าโดย ICE อาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่คุ้มครองเสรีภาพและสิทธิพลเมือง การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการค้นหาที่ไม่สมเหตุสมผล (unreasonable search) ซึ่งต้องมีหมายศาลก่อนดำเนินการ

ผลกระทบต่อชุมชนผู้อพยพ

ชุมชนผู้อพยพและกลุ่มเปราะบางอื่นๆ อาจได้รับผลกระทบจากการสแกนใบหน้าโดย ICE มากที่สุด เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการสแกนอาจถูกนำไปใช้ในการระบุตัวตนและควบคุมตัวบุคคลที่ไม่มีเอกสาร หรือผู้ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีการเข้าเมือง

มุมมองจากหลากหลายฝ่าย: ใครว่าอย่างไร?

นักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชน

นักกฎหมายและนักสิทธิมนุษยชนส่วนใหญ่แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการสแกนใบหน้าโดย ICE พวกเขาแย้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ พวกเขายังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการทำงานของ ICE อย่างเข้มงวด และกำหนดมาตรการควบคุมการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางส่วนได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาเรียกร้องให้มีการสอบสวนการกระทำของ ICE และกำหนดกฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า

ICE และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ

ICE และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับประเด็นนี้ อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าหน่วยงานเหล่านี้จะอ้างถึงความจำเป็นในการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของชาติเป็นเหตุผลในการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า

บทสรุป: อนาคตของการสแกนใบหน้าและการบังคับใช้กฎหมาย

การสแกนใบหน้าโดย ICE เป็นประเด็นที่ซับซ้อนและมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสังคม การถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างความมั่นคงของชาติและสิทธิส่วนบุคคล

อนาคตของการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าในการบังคับใช้กฎหมายยังคงไม่แน่นอน การตัดสินใจของศาล กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของหน่วยงานภาครัฐ จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของเรื่องนี้

สิ่งสำคัญคือต้องมีการถกเถียงอย่างเปิดเผยและโปร่งใสเกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน

คำเตือน: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางกฎหมาย



ที่มา: Ars Technica

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Get in Touch

Feel free to drop us a line to contact us

Name*


Message*


  • Phone+66989954998
  • Address380/4, Ban Rop Mueang, Tambon Rop Mueang, Mueang Roi Et District, Roi Et Province 45000, Thailand
  • Emailjuttupronb@gmail.com

Pages